หลายๆคนคงเคยเห็นหรืออาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคนี้มาบ้างแล้ว หรือกับบางคนอาจจะประสบกับตัวเองและคนส่วนใหญ่ถ้าหากเกิดมีอาการเวียนศีรษะก็มักจะคิดว่าตัวเองอาจเป็นอาการของโรคอื่นแต่หารู้ไม่ว่าคุณอาจจะเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันก็ได้และจากการที่จะวินิจฉัยโรคนี้ได้นั้น จะต้องวินิจฉัยโดยผู้แพทย์เชี่ยวชาญด้านหูเท่านั้น
เนื่องจากถ้าหากจะมั่นใจได้ว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันแล้วนอกจากการวินิจฉัยโรคน้ำในหูไม่เท่ากันแล้วนั้นจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติมอีกหลายอย่างเพราะด้วยอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนร่วมกับมีอาการหูอื้อหรือแน่นหู หรือร่วมไปถึงอาการได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหู
จะต้องได้รับการตรวจระดับการได้ยินอย่างละเอียดในห้องเก็บเสียงเพื่อจะยืนยันได้ว่ามีการสูญเสียการได้ยินร่วมด้วยและการสูญเสียการได้ยินที่มีความถี่ต่ำหรือต่ำกว่า 2000Hz เป็นหนึ่งในเกณฑ์ของการวินิจฉัยสำหรับโรคน้ำในหูไม่เท่ากันร่วมกับอาการบ้านหมุน โดยการสูญเสียการได้ยินอาจจะเริ่มมาจากหูด้านหนึ่งก่อนหรืออาจจะเริ่มในหูทั้งสองข้างพร้อมกันก็ได้ และโรคนี้มีการรักษาที่เฉพาะหลายอย่าง
เพื่อจะทำให้อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนหายไป เช่นการทานยาประคองอาการ หรือรวมไปถึงการไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านหูเพราะจะเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อาการน้ำในหูไม่เท่ากันหายขาดและถ้าหากใครหรือคนไหนเกิดอาการสงสัยว่าอาจจะเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้น แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู
โดยเฉพาะ เพื่อทำการตรวจสอบหรือวินิจฉัยอย่างละเอียด ซึ่งจะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องต่อไป และโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นสามารถรักษาอาการเบื้องต้นได้โดยการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคหูน้ำหนวกไม่เท่ากัน เช่น การหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในที่ ที่เสียงดังๆเป็นเวลานาน การไม่เคาะหูบ่อยๆ ระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าหูบ่อยๆและถ้าหากน้ำเข้าหูให้เอาน้ำออกจากหูให้หมดไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดหูอักเสบได้และเป็นสาเหตุของโรคหูน้ำหนวกด้วย
การดำน้ำในที่ลึกๆเป็นเวลานานก็เป็นสาเหตุทำให้หูเกิดอาการอักเสบจนเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันฉะนั้นเวลาที่ไปดำน้ำจะต้องไม่ดำน้ำลงลึกจนเกิดไปและจะต้องไม่ดำเป็นเวลานานจนเกิดไป และการนำตัวเองไปอยู่ในที่ ที่เสี่ยงต่อการเกิดหูอักเสบคือ อยู่ในที่ที่เสียงดังๆ เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้หูของเราเกิดการอักเสบและจนเกิดอากการโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ฉะนั้นการหลีกเลี่ยงต่อความเสี่ยงก็เป็นเรื่องที่ดี
สนับสนุนโดย เครื่องช่วยฟัง